องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี : www.muangkao.go.th

 
 
สภาพทั่วไป

         


สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน

1. ด้านกายภาพ

องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า จัดตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ.2537  เมื่อวันที่  30 มีนาคม พ.ศ.2539  ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลมีหน้าที่ในการพัฒนาและ ให้บริการแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลทั้งหมด อีกทั้งยังต้องมีภาระจัดเก็บรายได้เพื่อนำมาใช้จ่ายในกิจการของ ตนอีกด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า ตั้งอยู่เลขที่ 264 หมู่ที่ 5 บ้านหนองรี ตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

1.1.ที่ตั้งของหมู่บ้านหรือชุมชนหรือตำบล

          องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า ตั้งอยู่เลขที่ 264 หมู่ที่ 5 บ้านหนองรี ตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดปราจีนบุรี  ห่างจากที่ว่าการอำเภอกบินทร์บุรี 13 กิโลเมตร  ห่างจากตัวจังหวัดปราจีนบุรี ประมาณ 58 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 193 กิโลเมตร  โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้

                   ทิศเหนือ          จรด     ตำบลหนองกี่ อำเภอนาดี
                   ทิศใต้             จรด     ตำบลกบินทร์ ตำบลย่านรี และตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี
                   ทิศตะวันออก     จรด     ตำบลบ้านนา อำเภอกบินทร์บุรี
                   ทิศตะวันตก      จรด     ตำบลนาแขม และตำบลกบินทร์ อำเภอกบินทร์บุรี

         1.2.ลักษณะภูมิประเทศ

           ตำบลเมืองเก่า มีพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 47 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 29,375 ไร่ มีทางหลวงหมายเลข 304  ลักษณะการใช้พื้นที่แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ร้อยละ 80 การเกษตรร้อยละ 10  อื่นๆ ร้อยละ 10ลักษณะภูมิประเทศโดยรวมจะเป็น ที่ราบลุ่มมีแม่น้ำไหลผ่าน มีหนองน้ำขนาดใหญ่เหมาะแก่การทำเกษตรประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไป มีโรงงานอุสาหกรรม พื้นที่ส่วนใหญ่ของตำบลเมืองเก่าเป็นเขตเกษตรกรรม

1.3 ลักษณะภูมิอากาศ

สภาพภูมิอากาศตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จากข้อมูลสภาพอากาศจังหวัดปราจีนบุรี ของศูนย์ภูมิอากาศ สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา จังหวัดปราจีนบุรี อยูภายใตอิทธิพลของมรสุมที่พัดปกคลุมประเทศไทย 2 ชนิด คือ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งลมนี้เปนลมที่พัดพาความหนาวเย็นจากประเทศจีนมาสู่ประเทศไทยในชวงฤดูหนาวอิทธิพลของลมนี้จะทําใหจังหวัดปราจีนบุรีประสบกับสภาวะอากาศหนาวเย็นและแหงแลง ตั้งแตประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธุกับมรสุมตะวันตกเฉียงใตซึ่งพัดปกคลุมในชวงฤดูฝนประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งทําใหมีฝนและอากาศชุมชื้น

ฤดูกาล

พิจารณาตามลักษณะลมฟาอากาศของประเทศไทย สามารถแบงฤดูกาลของจังหวัดปราจีนบุรีไดเปน 3 ฤดูดังนี้

ฤดูหนาว เริ่มตั้งแตกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเปนชวงของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่มีคุณสมบัติเย็นและแหงจะแผลงมาปกคลุมประเทศไทยในชวงนี้ ทําใหมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป อยางไรก็ตามชวงฤดูหนาวของจังหวัดปราจีนบุรีอาจช้ากวาบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มมีอากาศหนาวประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนเปนตนไป

ฤดูรอน เริ่มเมื่อมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือสิ้นสุดลงคือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธและสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ในระยะนี้จะมีหยอมความกดอากาศต่อเนื่องจากความรอนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําใหมีอากาศรอนอบอาวทั่วไป โดยเฉพาะเดือนเมษายนเปนเดือนที่มีอากาศรอนจัดที่สุดในรอบป

ฤดูฝน เริ่มประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เปนชวงที่มรสุมตะวันตกเฉียงใตพัดปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับรองความกดอากาศต่อที่พาดผานบริเวณภาคใตของประเทศไทยจะเลื่อนขึ้นมาพาดผาน   ประเทศไทยตอนบน ทําใหมีฝนตกชุกขึ้นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเปนตนไป

อุณหภูมิ

เนื่องจากจังหวัดปราจีนบุรีเปนจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกที่อยูลึกเขาไปในแผนดิน จึงมีอากาศรอนมากกวาจังหวัดที่อยูตามชายฝง และในฤดูหนาวก็มีอากาศหนาวกวา โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งป28.3องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33.9 องศาเซลเซียส สําหรับอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยคือ 23.8 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงที่สุดวัดได 42.9 องศาเซลเซียส ที่อําเภอกบินทรบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2533 และอุณหภูมิต่ำที่สุดที่เคยตรวจวัดได 8.5 องศาเซลเซียส ที่อําเภอกบินทรบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 30ธันวาคม 2518

ฝนจังหวัดปราจีนบุรีมีปริมาณฝนรวมตลอดปอยูในชวง 1,600 – 1,900 มิลลิเมตร     เวนแตบริเวณอําเภอ

ศรีมโหสถ ที่มีปริมาณฝนรวมตลอดปนอยกวา 1,400 มิลลิเมตร สําหรับฝนที่ตกในจังหวัดปราจีนบุรีสวนใหญเปนฝนที่เกิดในชวงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดในรอบป     โดยตลอดทั้งปมีจํานวนวันฝนตกเฉลี่ยประมาณ 130 - 140 วัน นอกจากนี้ในบางปอาจมีพายุ

1.4. ลักษณะดิน

ตำบลเมืองเก่า มีพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 47 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 29,375 ไร่ ทางหลวงหมายเลข 304  ลักษณะการใช้พื้นที่แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ร้อยละ 80 การเกษตรร้อยละ 10  อื่นๆ ร้อยละ 10

กรมพัฒนาที่ดินได้จัดแบ่งดินที่ปรากฏพบในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แบ่งออกได้เป็นหน่วยหรือกลุ่มใหญ่ๆ ได้ รวม 62 กลุ่มชุดดินหรือหน่วยดินและขอบเขตของหน่วยดินแต่ละหน่วยได้แสดงเอาไว้แล้วในแผนที่ดินขนาดมาตราส่วน 1 : 50,000 โดยใช้หมายเลขกำกับ โดยแบ่งลักษณะของกลุ่มชุดดินตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แต่ละกลุ่มชุดดิน ดังนี้

กลุ่มชุดดินที่ 4

 ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นพวกดินเหนียว ดินบนมีสีดำหรือสีเทาเข้ม

ดินล่างมีสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลหรือเทาปนสีเขียวมะกอก มีจุดประสีน้ำตาลปนเหลือง สีเหลือง สีน้ำตาลแก่อาจพบก้อนปูนหรือก้อนสารเคมีสะสมพวกเหล็กและพวกแมงกานีสในชั้นดินล่างดินมีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว พบบริเวณพื้นที่ราบเรียบหรือราบลุ่ม ระหว่างคันดินริมลำน้ำ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง ปฏิกิริยา ดินเป็นกรดแก่ ถึง เป็นด่างปานกลาง ค่าความเป็นกรด เป็นด่างประมาณ 5.5 - 8.0 ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่ใช้ทำนา มีบ้างบางแห่งยกร่องเพื่อปลูกพืชผักหรือ ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น

กลุ่มชุดดินที่ 17

          ลักษณะโดยทั่วไป หน่วยนี้เป็นกลุ่มที่มีเนื้อดินเป็นพวกดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนดินล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายหรือดินร่วนเหนียวมีสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน พบจุดประพวกสีน้ำตาล สีเหลืองหรือแดงปะปน บางแห่งอาจพบศิลาแลงอ่อนหรือก้อนสารเคมีสะสมพวกเหล็กและแมงกานิสในดินชั้นล่าง เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำ พบบริเวณพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ เป็นดินลึกมาก มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติค่อนข้างต่ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดถึงเป็นกรดแก่ มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ประมาณ 4.5 – 5.5 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและมีเนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายปัจจุบันบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่ใช้ทำนา

กลุ่มชุดดินที่ 18

ลักษณะโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย   ส่วนดินล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทราย มีสีเทามีสีน้ำตาลอ่อน พบจุดประสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดงปะปน เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำ พบบริเวณพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ เป็นดินลึก มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติค่อนข้างต่ำถึงปานกลาง ปฏิกิริยาดินเป็นดินกรดแก่ถึงเป็นด่างปานกลางมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5 – 8.0 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทราย พืชมีโอกาสเสี่ยง ต่อการขาดแคลนน้ำ

กลุ่มชุดดินที่ 24

ลักษณะโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นพวกดินทราย มีสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาปนชมพู พบจุดประสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีเทาใช้ชั้นดินล่าง บางแห่งจะพบชั้นที่มีการสะสมอินทรีวัตถุ เป็นชั้นบางๆ มีสภาพพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบหรือราบเรียบ เป็นดินลึก มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงดีปานกลาง มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.0 – 7.0 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เนื้อดินเป็นทรายจัด พืชมักแสดงอาการขาดน้ำในช่วงฝนทิ้งและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำมากปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ทำนา ปลูกพืชไร่บางชนิด เช่น มันสำปะหลัง อ้อยและปอ บางแห่งเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ

        กลุ่มชุดดินที่ 25

ลักษณะโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มดินที่มีเนื้อดินบนเป็นพวกดินร่วนปนทรายส่วนดินชั้นล่างเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนปนดินเหนียวที่มีกรวดหรือลูกรังปะปนเป็นปริมาณมาก มีสีเทาและพบจุดประสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดงปะปน ใต้ชั้นลูกรังอาจพบชั้นดินเหนียวที่มีศิลาแลงอ่อนปะปน เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำทับอยู่บนชั้นหินผุ พบบริเวณพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ เป็นดินตื้น มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ ส่วนมากจะมีปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงกรดแก่ มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 4.5 – 5.5 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เป็นดินตื้น ส่วนใหญ่เป็นดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำบางแห่งมีเนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ทำนา บางแห่งเป็นป่าละเมาะหรือป่าเต็งรัง

กลุ่มชุดดินที่ 33

 ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อเป็นพวกดินร่วนปนทรายแป้ง สีดินเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลปนแดง บางแห่งในดินล่างลึก ๆ มีจุดประสีเทาและสีน้ำตาล อาจมีแร่ไม้ก้ำหรือก้อนปูนปะปนอยู่ด้วยเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำ พบบนสันดินริมน้ำเก่าและเนินตะกอนรูปพัด มีพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบถึงเป็นคลื่นลอดลาด เป็นดินลึกมาก มีการระบายน้ำดีถึงดีปานกลาง มีค่าความเป็นด่างประมาณ 5.5 – 8.0ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ปลูกพืชไร่ต่างๆ เช่น ข้าวโพด อ้อย ยาสูบ ถั่วต่างๆ และสับปะรด บางแห่งใช้ปลูกไม้ผลหรือเป็นที่อยู่อาศัย ดินกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาในการใช้ประโยชน์

กลุ่มชุดดินที่ 35

ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นพวกร่วนปนทราย ส่วนดินล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายมีสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดง เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดพวกตะกอนลำน้ำ หรือเกิดจากการสลายตัวผุพังของเนื้อหินเนื้อหยาบ พบบริเวณพื้นที่ดอนที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นจนถึงที่ลาดเชิงเขาเป็นดินลึกมีการระบายน้ำดีมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดแก่ มีค่าความเป็นกรดด่างประมาณ 4.5 – 5.5ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายและดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ในบริเวณที่มีความลาดชันสูงจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชะล้างพังทลายของหน้าดิน

กลุ่มชุดดินที่ 40

ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นพวกดินร่วนปนทราย สีดินเป็นสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดง บางแห่งอาจพบจุดประสีในดินชั้นล่างเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ าพบบริเวณพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบจนถึงพื้นที่ลาดเชิงเขาเป็นดินลึกมีการระบายน้ำดี มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดถึงเป็นกรดแก่ มีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 4.5 – 5.5 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายและดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ปลูกพืชไร่ต่างๆ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย ปอ งาและถั่ว บางแห่งมีสภาพเป็นป่าละเมาะหรือทุ่งหญ้าธรรมชาติ

กลุ่มชุดดินที่ 49

ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินล่างเป็นดินเหนียวปนลูกรังหรือเศษหินทรายสีดินเป็นสีน้ำตาลหรือสีเหลือง ใต้ลงไปเป็นดินเหนียวสีเทามีจุดประสีน้ำตาล สีแดง และศิลาแลงอ่อนปะปนอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก อาจพบชั้นหินทรายหรือหินดินดานที่ผุพังสลายตัวในชั้นถัดไป พบบริเวณพื้นที่ดอนมีลักษณะเป็นลูกคลื่นเป็นดินตื้นถึงตื้นมากมีการระบายน้ำดีปานกลาง มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติค่อนข้างต่ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดแก่ มีค่าความเป็นกรดด่างประมาณ 4.5 – 5.5 ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยที่ดินนี้ได้แก่ เป็นดินตื้น และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำเป็นอุปสรรคต่อการเกษตรกรรมบริเวณที่มีความลาดชันสูงมีปัญหาเกี่ยวกับการชะล้างพังทลายของหน้าดินอย่างรุนแรงปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ปลูกพืชไร่ ทุ่งหญ้าธรรมชาติ ที่รกร้างว่างเปล่า ป่าเต็งรัง หรือใช้ปลูกไม้โตเร็ว

หน่วยที่ดินที่ 59

          ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นหน่วยของดินหลายชนิด ซึ่งเกิดจากตะกอนลำน้ำพัดพามาทับถมกันพบบริเวณที่ราบลุ่มหรือบริเวณพื้นที่ล่างของหุบเขา มีสภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างเรียบ ดินที่พบส่วนใหญ่มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว มีลักษณะและคุณสมบัติต่างๆ เช่น เนื้อดิน สีดิน ความลึกของดินปฏิกิริยาดิน ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุต้นกำเนิดดินในบริเวณนั้นๆ ส่วนมากก็มีก้อนกรวดและเศษหินปะปนอยู่ในเนื้อดินด้วยปัจจุบันบริเวณดังกล่าวใช้ประโยชน์ในการทำนา ส่วนในฤดูแล้ง ถ้ามีแหล่งน้ำหรือดิน นิยมใช้ปลูกพืชผักหรือพืชไร่อายุสั้น เช่น ถั่วเขียว หรือถั่วเหลือง

หน่วยที่ดินที่ 60

ลักษณะดินโดยทั่วไป หน่วยที่ดินนี้เป็นหน่วยผสมของดินหลายชนิดซึ่งเกิดจากตะกอนลำน้ำพัดพามาทับถมบริเวณสันดินริมน้ำ บริเวณพื้นที่เนินตะกอน ซึ่งส่วนใหญ่มีสภาพพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ จนถึงลูกคลื่นลอนลาด โดยทั่ว ๆไปดินกลุ่มนี้มีการระบายน้ำดีถึงดีปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นดินลึก เนื้อดินเป็นพวกดินร่วน บางแห่งมีชั้นดินที่มีเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายหรือมีชั้นกรวด ซึ่งแสดงถึงการตกตะกอนต่างยุคของดินอันเป็นผลมาจากการเกิดน้ำท่วมใหญ่ในอดีตดินกลุ่มนี้โดยทั่วๆ ไป มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง และปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลางปัจจุบันดินนี้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินค่อนข้างกว้างขวาง นิยมใช้ปลูกพืชผัก พืชไร่ ไม้ผลและไม้ยืนต้นต่างๆ